วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

จารึกวัดศรีชุม (หลัจารึกวัดศรีชุม (หลักที่ ๒กที่ ๒)


ประวัติศาสตร์และหลักฐานประวัติศาสตร์สุโขทัย ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร
บรรยาย ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ (เสาร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๔)
จารึกวัดศรีชุม (หลักที่ ๒)
๑ ความสำคัญของเอกสารจารึกวัดศรีชุม คือ จารึกหลักที่ ๒ ในประมวญจารึกไทย พลโท หลวงสโมสรพลการ (ทัด ศิริสัมพันธ์) ค้นพบที่ช่องอุโมงค์ มณฑปวัดศรีชุม เมืองเก่าสุโขทัย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐ จารึกนี้จารบนแผ่นศิลาขนาดสูง ๒ เมตร ๗๕เซนติเมตร กว้าง ๖๗ เซนติเมตร หนา ๘ เซนติเมตร ถือว่า มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาจารึกภาษาและอักษรไทยสุโขทัย คำจารึกบนแผ่นศิลามีอยู่ ๒ ด้าน ด้านแรกมี ๑๐๗ บรรทัด ด้านที่สองมี ๙๕ บรรทัด แต่เดิมได้เคยอ่านต่อเนื่องกันจากด้าน ๑ ไปยังด้าน ๒ เลย แต่าสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร ได้ค้นพบว่า แท้จริงนั้น ผู้จารึก จารึก ลงด้าน ๑ จนถึงบรรทัดที่ ๙๐ มีเส้นขีดจบตอนอยุ่ แล้วไปขึ้นด้าน ๒ แต่เมื่อจารึกไปสิ้นด้าน ๒ แล้วพบว่า ยังไม่จบความต้องย้อนกลับมาจารึกบนด้าน ๑ ส่วนที่หลือต่อจนจบ จารึกหลักนี้แต่เดิมยอช เซเดส์ได้อ่านไว้ก่อนแต่เนื่องจากศิลาจารึกได้รับความเสียหาย คำจารึกขาดหายไปมากและส่วนที่เหลืออยู่ก็อ่านได้ด้วยความยากลำบาก ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ กรมศิลปากรได้จัดประชุมผู้เชี่ยวชาญอ่านตรวจสอบจารึกนี้ใหม่ แม้จะอ่านได้มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีความแน่ใจกันจึงได้ขีดเส้นใต้ความที่อ่านได้ไม่ชัดเจน เมี่อ พ.ศ. ๒๕๒๙/๓๐ ผู้เขียนยังมีความข้องใจเกี่ยวกับคำอ่านและการอธิบายความหลายตอนในจารึกวัดศรีชุมจึงได้เรียนเชิญศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร พลตรีหม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์เกษมศรี และคุณวีณา โรจนราธา มานั่งอ่านกันใหม่อยู่หลายเดือนที่ห้องประชุมบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระความในจารึกวัดศรีชุมเป็นอัตชีวประวัติสมเด็จพระมหาเถรศรีสรธาราชจุฬามุนี (ซึ่งมักถอดชื่อท่านเป็นสันสกฤตว่า ศรีศรัทธาราชจุฬามุนี”) เจ้านายในราชวงศ์ศรีนาวนำถม ทรงเล่าเรื่องการสร้างสมภารบารมีเพื่อหวังที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต เอกสารประเภทนี้เข้าในข่ายประวัตินักบุญ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า hagiography ลักษณะการเขียนไม่แตกต่างกับจารึกพ่อขุนรามคำแหงในข้อบางครั้งใช้สรรพนามบุรุษที่ ๑ บางครั้งใช้พระนามแทนตนเหมือนอย่างสรรพนามบุรุษที่ ๓ ในการเล่าอัตชีวประวัติของพระองค์ท่าน ซึ่งเรื่องที่สำคัญที่สุด คือการที่ทรงไดได้ไปประทับอยลูั่งกา ๑๐ เข้า (คือ ๙ ปีเต็ม) และบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสำคัญที่สุดของลังกา นั่นคือ มหิยังคณเจดีย์และพระมหาทันตธาตุสุคนธเจดีย์ ขอ้ สังเกตที่สำคัญ คือ สมเด็จพระมหาเถรศรีสรธาราชจุฬามุนีทรงกล่าวยํ้าว่า เมื่อทรงกระทำบุญและพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์หลายครั้งนั้น เป็นเพราะได้ไป ยอ” (ฟื้นฟู) ศาสนาของพระเจ้าในลังกาทวีป ผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ลังกาในช่วงเวลานี้ย่อมทราบว่า ได้เกิดความวุ่นวายในลังกามากอันเนื่องมาจากการรุกรานของพวกทมิฬจากอินเดียใต้ จนทำให้กษัตริย์ลังกาต้องย้ายเมืองหลวงบ่อยๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่สมเด็จพระมหาเถรฯ ทรงพยายามจะถ่ายทอดก็คือ ได้ทรงกระทำสมภารบารมีอันยิ่งใหญ่ ในส่วนที่เกี่ยวกับธุดงควัตรและการสร้างสมพระบารมีนั้น ทรงเล่าพระประวัติไว้เป็นสองส่วน ส่วนแรกคือชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นคฤหัสถ์ เล่าตั้งแต่เป็นเด็กจนถึงเหตุที่ทำให้ทรงออกพระผนวชและส่วนที่สองคือ ชีวิต เมื่อเป็นบรรพชิตและได้เถมิรเทศ (ออกเดินทางไปยังดินแดนต่างๆ) ทั้งในสยามประเทศเอง ชมพูทวีปและลังกา แล้วจึงเดิทางกลับมายังประเทศสยามอีกสำ หรับนักประวัติศาสตร์แล้ว เรื่องที่เล่าแทรกอยู่ในพระประวัติมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าวัตรปฏิบัติทางศาสนาและการจาริกแสวงบุญ เช่นเรื่องความเป็นมาของราชวงศ์ศรีนาวนำถม ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อขุนบางกลางหาวกับพ่อขุนผาเมือง การขึ้นมามีอำนาจของราชวงศ์ศรีอินทราทิตย์ และรายละเอียดเกี่ยวกับพัฒนาการทางการเมืองของอาณาจักรสุโขทัยในเวลานั้น การอ่านบนจารึกในสมัยแรกซึ่งยังอ่านได้ไม่ดีนัก ทำให้นำไปสู่การตีความที่ผิดๆ เป็นต้นว่า เมื่อคนไทที่ปรกครองน่านเจ้า ต้องเสียบ้านเมืองแก่จีนราชวงศ์หยวน กลุ่มคนไทก็ได้อพยพลงมายังแหลมทอง ตั้งรัฐต่างๆ ขึ้นมา ในลุ่มแม่น้ำยม ผู้นำไทสองพระองค์คือ พ่อขุนบางกลางท่าวเจ้าเมืองบางยาง และพ่อขุนผาเมืองเจ้าเมืองราด ได้ร่วมมือกับขับไล่ขอมสบาดโขลญลำพงออกไป ทั้งพระนามของพ่อขุนบางกลางท่าวและเหตุการณ์ ในปัจจุบัน เช่น บางกลางท่าว ต้องเป็น บางกลางหาว เป็นต้น ความรู้ใหม่ที่ได้จากการศึกษาจารึกวัดศรีชุมมีหลายด้านโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บทบาทของราชวงศ์ศรีนาวนำถม ในประวัติศาสตร์สุโขทัย๒ สารัตถวิพากษ์3ท่านผู้อ่านจารึกวัดศรีชุมที่นำ มาเสนอในที่นี้ จะเห็นว่า ผู้เขียนได้จัดเรียงลำดับความที่ถูกตอ้งเพื่อความสะดวกในการศึกษาวิเคราะห์ ส่วนที่เป็นคำอ่านต้นฉบับของหอสมุดแห่งชาติมาก่อน ส่วนที่เป็นคำอ่านปัจจุบันของผู้เขียนซึ่งเรียงอยู่ในบรรทัดถัดมา ในส่วนคำอ่านปัจจุบัน ผู้อ่านย่อมสังเกตได้ทันทีว่า ผู้เขียนได้ซ่อมข้อความที่ขาดไว้ให้สมบูรณ์ ในเชิงสมมุติฐาน ความส่วนที่ซ่อมจำลองอยู่ในเครื่องหมายวงเล็บเหล่ยี ม [..] เพื่อให้ทราบว่า คำหรือความที่หายไปน่าจะเป็นอะไรเหมือนดั่งภาพซ่งึ ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ เอามาต่อขึ้นใหม่ แม้บางส่วนหายไป แต่ก็พอทราบได้ว่าเป็นอะไร (อ่านต่อฉบับหน้า)
อ้างอิง
ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร.2554..จารึกวัดศรีชุม (หลักที่ ๒): บรรยาย ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่. 
จารึกวัดศรีชุม(หลักที่ ๒).2554 :http://social.obec.go.th/library/document/curriculum/2/1/1.4.pdf.

0 ความคิดเห็น:

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More