พระอาจารย์อุเทนกับข่าวลือถูกจับสึก
พระอาจารย์อุเทน สิริสาโรกับข่าวลือ..."ถูกจับสึก มรณภาพ หนีไปเมืองนอก : เรื่อง / ภาพโดยไตรเทพ ไกรงู
พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร หรือ พระอาจารย์อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ ต.ท่าไม้ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร แม้จะเป็นพระหนุ่มที่มีอายุน้อยแต่ท่านมีลูกศิษย์ตลอดจนผู้ที่ศรัทธามากมาย ตั้งแต่บุคคลสามัญทั่วๆ ไป เหล่าศิลปินนักร้องดารา นักธุรกิจข้าราชการ ไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่เป็นประเด็นร้อนในหมู่ลูกศิษย์ คือ ข่าวลือว่า "พระอาจารย์อุเทน ถูกจับสึก มรณภาพ หนีไปเมืองนอก" มีการตรวจสอบข่าวชนิดที่เรียกว่า "โทรศัพท์ของวัดสายแทบไหม้"
พระอาจารย์อุเทน บอกกว่า คนไทยทุกวันนี้มักทำตัวเป็นมงคลตื่นข่าว คือเชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาใคร่ครวญไตรตรอง ข่าวจริงคือ มีข่าวจับสึกพระที่วัดสนามชัยเขต ที่ท่าพระ คนกลับไปฟังเป็นว่า วัดท่าไม้ ประกอบข่าวพระทำยันต์กันเพลี้ยมรณภาพ เกจิดังแห่งยุคมรณภาพ ก็มาฟังเป็นฉันมรณภาพ นอกจากนี้ยังมีข่าวตำรวจจับเด็กวัยรุ่นเสพยาบ้า ๒ เม็ด เลยวัดไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ระหว่างนี้มีการใช้วิทยุสื่อสารคุยกันไปคุยกันมา จากยาบ้า ๒ เม็ด กลายเป็น ๒ มัด และกลายเป็น ๒ กระสอบ ที่ร้ายสุด คือ จับได้ที่วัดท่าน โดยในวันเดียวกันนั้นมีเฮลิคอปเตอร์ของคณะนายกรัฐมนตรีบินสำรวจน้ำท่วมผ่านวัด ก็ลือเป็นว่า เขาบินมาจับฉันลือว่าฉันสึกหนีไปอยู่เมืองนอกแล้ว เมื่อญาติโยมมาวัดไม่เห็นฉันเห็นแต่โลงศพก็ลือไปว่า ฉันมรณภาพไปแล้ว
สำหรับข่าวลือที่เกิดขึ้นฉันมองว่าเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า ตถตา ซึ่งหมายถึง "มันเป็นเช่นนั้นเอง" มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาโลก ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ต่างก็เหมือนกัน แม้ตายเป็นผีแล้วบางคนยังหนีติฉินนินทาไม่พ้น แต่ที่ถูกสรรเสริญก็มีไม่น้อย ฉันอยากให้คนมีสติในการฟัง ในการรับข่าวสาร เพราะถ้าฟังข่าวสารไม่ดีจะกลายเป็นเรื่องบาดหมางกันอย่างที่เป็นอยู่
ทั้งนี้พระอาจารย์อุเทน พูดไว้อย่างน่าคิดว่า“ฉันยังไงก็ได้ จะดังจะดับ จะตายหรืออยู่ไม่สำคัญ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีใครหนีพ้น ทุกวันนี้เรื่องช่วยเหลือคน เน้นให้คนเข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ข่าวลือทำให้คนเข้าใจผิด เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อข่าวลือก่อนที่จะหาความจริง ข่าวลือข่าวลวงขืนปล่อยนานๆ เข้า ในที่สุดคนก็เสื่อมศรัทธาพระ เสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา”
ท่ามกลางกระแสข่าวลือ ทุกๆ วัน พระอาจารย์อุเทนยังให้การต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาเข้าคิวดูหมอตั้งแต่ตี ๕ เป็นปกติเช่นเดิมมากกว่า ๑๐ ปีแล้ว และคำถามยอดฮิตที่คนมาดูดวงกับพระอาจารย์อุเทน คือ “จะรวยไหม ส่วนเรื่องสุขภาพ ความสุขนั้นน้อย” คนที่มาวัดส่วนใหญ่มาด้วยทุกข์ร้อยแปดพันเก้า ที่มีความสุขแล้วน้อยคนนักที่จะมาวัด คนทุกข์มากันทุกระดับ คนจนมาเพื่อให้รวยขึ้น ส่วนรวยมาเพื่อให้รวยกว่าที่เป็นอยู่ คนตกงานมาเพื่อให้ได้งานทำ ส่วนคนที่มีงานทำแล้วมาเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น เมื่อเขาทุกข์เป็นพระต้องแก้ทุกข์ให้ถูกจุด เมื่อเขาพ้นทุกข์ทางโลกก็เริ่มมีอารมณ์ทางธรรม ที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนมีกิเลส มีความโลภ ขาดปัญญาในแนวทางวิถีพุทธ มีความทุกข์เกี่ยวกับอาชีพที่ทำ
ขณะเดียวกันยังมีถามยอดฮิตที่พระอาจารย์อุเทนไม่เคยตอบสักครั้งเดียว คือ “คำถามเรื่องความรัก และสามีภรรยา” ทั้งนี้พระอาจารย์อุเทนให้เหตุผลว่า เพราะเรื่องผัวๆ เมียๆ เป็นเรื่องภายในของคน ๒ คน คนนอกไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต้องรับผิดชอบด้วยกัน เรื่องความรักมีเรื่องของกิเลสมาครอบงำ มีเรื่องความพอใจไม่พอใจมาเกี่ยวข้อง เราไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ทุกครั้งที่คนมาดูดวงพระอาจารย์อุเทน จะสอดแทรกหลักธรรมคำสอนให้ทุกๆ คน ทั้งเรื่องของทาน ศีล สมาธิ ปัญญา พยายามศึกษาค้นหาตัวเองให้เจอ และลงมือปฏิบัติ ถ้าทุกคนทำตามคำที่บอก หน้าที่ชีวิตการงานต้องดีขึ้นทุกคน เพราะสิ่งที่สอนไปล้วนเป็นธรรมทั้งสิ้น ในเรื่องการตั้งอยู่ในหลักความดี มีสัมมาอาชีพ ตั้งอยู่ในมรรคทั้ง ๘ เดินทางสายกลาง การอยู่ร่วมกัน ยึดหลักพอเพียง เข้าใจชีวิต
"การที่เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข พระอาจารย์อุเทน บอกว่า ต้องมีสติ ต้องมีเมตตาธรรม พรหมวิหาร ๔ การให้อภัยและเข้าใจซึ่งกันและกัน ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องไปออกกฎหมายปรองดองให้เสียเวลา”
นอกจากพัฒนาและสร้างวัดท่าไม้แล้ว ปัจจุบันมีพุทธศาสนิกชนได้เข้ามาถือวัตร ปฏิบัติ รักษาศีลเป็นจำนวนมาก พระอาจารย์อุเทนจึงสร้างสถานปฏิบัติธรรมเพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม สถานที่นั้นคือธรรมสถานวิโมกสิวาลัยมีพื้นที่ ๗๐ ไร่ ตั้งอยู่ใน ต.ห้วยผาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จัดสร้างขึ้น เหตุผลเพราะวัดท่าไม้มีสถานที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับพุทธศาสนิกชนที่จะมาเข้ามาถือวัตร ปฏิบัติธรรม และรักษาศีล
ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ใช้ระยะเวลาเพียงปีเศษ ในการพัฒนาพื้นที่ และสร้างถาวรวัตถุต่างๆขึ้นมา เพื่อให้ทันต่อการรองรับพุทธศาสนิกชนมีความสงบ วิเวกเหมาะสมที่จะเป็นที่ปฏิบัติธรรม ปัจจุบันมีคนไปปฏิบัติธรรมประมาณเดือนละ ๒,๐๐๐ คน โดยจะไปสอนทุกๆ วัน พฤหัสบดี และวันพระ โดยทั้ง ๒ วันนี้จะไม่อยู่วัดต้อนรับญาติโยม
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่เป็นประเด็นร้อนในหมู่ลูกศิษย์ คือ ข่าวลือว่า "พระอาจารย์อุเทน ถูกจับสึก มรณภาพ หนีไปเมืองนอก" มีการตรวจสอบข่าวชนิดที่เรียกว่า "โทรศัพท์ของวัดสายแทบไหม้"
พระอาจารย์อุเทน บอกกว่า คนไทยทุกวันนี้มักทำตัวเป็นมงคลตื่นข่าว คือเชื่อโดยไม่ใช้ปัญญาใคร่ครวญไตรตรอง ข่าวจริงคือ มีข่าวจับสึกพระที่วัดสนามชัยเขต ที่ท่าพระ คนกลับไปฟังเป็นว่า วัดท่าไม้ ประกอบข่าวพระทำยันต์กันเพลี้ยมรณภาพ เกจิดังแห่งยุคมรณภาพ ก็มาฟังเป็นฉันมรณภาพ นอกจากนี้ยังมีข่าวตำรวจจับเด็กวัยรุ่นเสพยาบ้า ๒ เม็ด เลยวัดไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ระหว่างนี้มีการใช้วิทยุสื่อสารคุยกันไปคุยกันมา จากยาบ้า ๒ เม็ด กลายเป็น ๒ มัด และกลายเป็น ๒ กระสอบ ที่ร้ายสุด คือ จับได้ที่วัดท่าน โดยในวันเดียวกันนั้นมีเฮลิคอปเตอร์ของคณะนายกรัฐมนตรีบินสำรวจน้ำท่วมผ่านวัด ก็ลือเป็นว่า เขาบินมาจับฉันลือว่าฉันสึกหนีไปอยู่เมืองนอกแล้ว เมื่อญาติโยมมาวัดไม่เห็นฉันเห็นแต่โลงศพก็ลือไปว่า ฉันมรณภาพไปแล้ว
สำหรับข่าวลือที่เกิดขึ้นฉันมองว่าเป็นไปตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า ตถตา ซึ่งหมายถึง "มันเป็นเช่นนั้นเอง" มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสุขมีทุกข์ มีสรรเสริญ มีนินทา ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาโลก ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ต่างก็เหมือนกัน แม้ตายเป็นผีแล้วบางคนยังหนีติฉินนินทาไม่พ้น แต่ที่ถูกสรรเสริญก็มีไม่น้อย ฉันอยากให้คนมีสติในการฟัง ในการรับข่าวสาร เพราะถ้าฟังข่าวสารไม่ดีจะกลายเป็นเรื่องบาดหมางกันอย่างที่เป็นอยู่
ทั้งนี้พระอาจารย์อุเทน พูดไว้อย่างน่าคิดว่า“ฉันยังไงก็ได้ จะดังจะดับ จะตายหรืออยู่ไม่สำคัญ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีใครหนีพ้น ทุกวันนี้เรื่องช่วยเหลือคน เน้นให้คนเข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ข่าวลือทำให้คนเข้าใจผิด เพราะคนส่วนใหญ่เชื่อข่าวลือก่อนที่จะหาความจริง ข่าวลือข่าวลวงขืนปล่อยนานๆ เข้า ในที่สุดคนก็เสื่อมศรัทธาพระ เสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา”
ท่ามกลางกระแสข่าวลือ ทุกๆ วัน พระอาจารย์อุเทนยังให้การต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาเข้าคิวดูหมอตั้งแต่ตี ๕ เป็นปกติเช่นเดิมมากกว่า ๑๐ ปีแล้ว และคำถามยอดฮิตที่คนมาดูดวงกับพระอาจารย์อุเทน คือ “จะรวยไหม ส่วนเรื่องสุขภาพ ความสุขนั้นน้อย” คนที่มาวัดส่วนใหญ่มาด้วยทุกข์ร้อยแปดพันเก้า ที่มีความสุขแล้วน้อยคนนักที่จะมาวัด คนทุกข์มากันทุกระดับ คนจนมาเพื่อให้รวยขึ้น ส่วนรวยมาเพื่อให้รวยกว่าที่เป็นอยู่ คนตกงานมาเพื่อให้ได้งานทำ ส่วนคนที่มีงานทำแล้วมาเพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น เมื่อเขาทุกข์เป็นพระต้องแก้ทุกข์ให้ถูกจุด เมื่อเขาพ้นทุกข์ทางโลกก็เริ่มมีอารมณ์ทางธรรม ที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนมีกิเลส มีความโลภ ขาดปัญญาในแนวทางวิถีพุทธ มีความทุกข์เกี่ยวกับอาชีพที่ทำ
ขณะเดียวกันยังมีถามยอดฮิตที่พระอาจารย์อุเทนไม่เคยตอบสักครั้งเดียว คือ “คำถามเรื่องความรัก และสามีภรรยา” ทั้งนี้พระอาจารย์อุเทนให้เหตุผลว่า เพราะเรื่องผัวๆ เมียๆ เป็นเรื่องภายในของคน ๒ คน คนนอกไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันต้องรับผิดชอบด้วยกัน เรื่องความรักมีเรื่องของกิเลสมาครอบงำ มีเรื่องความพอใจไม่พอใจมาเกี่ยวข้อง เราไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไปเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งนี้ทุกครั้งที่คนมาดูดวงพระอาจารย์อุเทน จะสอดแทรกหลักธรรมคำสอนให้ทุกๆ คน ทั้งเรื่องของทาน ศีล สมาธิ ปัญญา พยายามศึกษาค้นหาตัวเองให้เจอ และลงมือปฏิบัติ ถ้าทุกคนทำตามคำที่บอก หน้าที่ชีวิตการงานต้องดีขึ้นทุกคน เพราะสิ่งที่สอนไปล้วนเป็นธรรมทั้งสิ้น ในเรื่องการตั้งอยู่ในหลักความดี มีสัมมาอาชีพ ตั้งอยู่ในมรรคทั้ง ๘ เดินทางสายกลาง การอยู่ร่วมกัน ยึดหลักพอเพียง เข้าใจชีวิต
"การที่เราจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข พระอาจารย์อุเทน บอกว่า ต้องมีสติ ต้องมีเมตตาธรรม พรหมวิหาร ๔ การให้อภัยและเข้าใจซึ่งกันและกัน ยึดผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องไปออกกฎหมายปรองดองให้เสียเวลา”
นอกจากพัฒนาและสร้างวัดท่าไม้แล้ว ปัจจุบันมีพุทธศาสนิกชนได้เข้ามาถือวัตร ปฏิบัติ รักษาศีลเป็นจำนวนมาก พระอาจารย์อุเทนจึงสร้างสถานปฏิบัติธรรมเพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม สถานที่นั้นคือธรรมสถานวิโมกสิวาลัยมีพื้นที่ ๗๐ ไร่ ตั้งอยู่ใน ต.ห้วยผาก อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จัดสร้างขึ้น เหตุผลเพราะวัดท่าไม้มีสถานที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับพุทธศาสนิกชนที่จะมาเข้ามาถือวัตร ปฏิบัติธรรม และรักษาศีล
ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ใช้ระยะเวลาเพียงปีเศษ ในการพัฒนาพื้นที่ และสร้างถาวรวัตถุต่างๆขึ้นมา เพื่อให้ทันต่อการรองรับพุทธศาสนิกชนมีความสงบ วิเวกเหมาะสมที่จะเป็นที่ปฏิบัติธรรม ปัจจุบันมีคนไปปฏิบัติธรรมประมาณเดือนละ ๒,๐๐๐ คน โดยจะไปสอนทุกๆ วัน พฤหัสบดี และวันพระ โดยทั้ง ๒ วันนี้จะไม่อยู่วัดต้อนรับญาติโยม
Posted in: สารพันข่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น