ปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเป็นโลกาภิวัตน์ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ผลักดันให้กลายเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้แบบลักษณะเสรีภาพในระดับปัจเจกชนกันมากขึ้น มีลัทธิหลายลัทธิ ที่พยายามปลอมแปลงพุทธศาสนาให้เป็นลักษณะอื่น เช่น ฝึกจริตให้ตรงกัมมัฏฐานเพื่อบรรุธรรมเห็นโน้นนี้ ทำให้ผู้ยังไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้เดินทางผิด
การบรรลุธรรมนั้นมีกระบวนการดังต่อไปนี้
สังโยชน์ (บาลี: samyojana)
คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์,
ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ หรือกิเลสเครื่องร้อยรัดจิตใจให้จมในวัฏฏะ มี 10 อย่าง คือ
§ ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่
§ 1. สักกายทิฏฐิ -
มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา
มีความยึดมั่นถือมั่นในระดับหนึ่ง
§ 2. วิจิกิจฉา -
มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
§ 3. สีลัพพตปรามาส -
ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตามๆ กันไปอย่างงมงาย
เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร
หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส
เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น
ซึ่งรวมถึงการหมดความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย
§ 4. กามราคะ - มีความติดใจในกามคุณ
§ 5. ปฏิฆะ -
มีความกระทบกระทั่งในใจ
§ ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่
§ 6. รูปราคะ -
มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
§ 7. อรูปราคะ -
มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
§ 8. มานะ - มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
§ 9. อุทธัจจะ -
มีความฟุ้งซ่าน
§ 10. อวิชชา - มีความไม่รู้จริง
พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้คือ หมดสักกายทิฏฐิ,วิจิกิจฉาและสีลัพพตปรามาส
พระสกทาคามี ทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ
กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้หมด
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ
อ้างอิง
§ พุทธทาสภิกขุ.
"ตัวกู-ของกู ฉบับย่อความ". บทที่ 6 วิธีลดอัตตา
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น