ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จะเข้าใจ
เรื่องนี้กันอย่างไร?
พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า พระราชา ผู้เป็นกษัตริย์ได้รับมุรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบความสุขในการประทม หาความสุขในการเอนพระวรกาย หาความสุขในการประทมหลับ ตามแต่พระประสงค์อยู่เนืองนิจ ยังคงทรงปกครองราชสมบัติให้เป็นที่รักใคร่ ถูกใจพลเมือง จนตลอดพระชนม์ชีพได้อยู่หรือ? "อย่างนี้ ไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า. " ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนี้ แม้เราเองก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน. ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จะเข้าใจเรื่องนี้กันอย่างไร?
พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า ผู้ครองรัฐก็ดี ทายาทผู้สืบมรดกก็ดี เสนาบดีก็ดี นายบ้านก็ดี และหัวหน้าหมู่บ้านก็ดี ประกอบความสุขในการนอน หาความสุขในการเอนกาย หาความสุขในการหลับ ตามสบายใจอยู่เนืองนิจ ยังคงดำรงตำแหน่งนั้น ๆ ให้เป็นที่รักใคร่ ถูกใจของ (ประชาชนทุกเหล่า) กระทั่งลูกหมู่ จนตลอดชีวิตได้อยู่หรือ? "อย่างนี้ ไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า. "
ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนี้ แม้เราเองก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จะเข้าใจเรื่องนี้กันอย่างไร? พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า สมณะหรือพราหมณ์ ที่เอาแต่ประกอบความสุขในการนอน หาความสุขในการเอนกาย หาความสุขในการหลับ ตามสบายใจอยู่เสมอ ๆ, ทั้งเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย, ไม่รู้ประมาณในการบริโภค, ไม่ตามประกอบธรรมเป็นเครืองตื่น, ไม่เห็นแตจ่มแจ้งซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย, ไม่ตามประกอบการทำเนือง ๆ ในโพธิปักขิยธรรม ทั้งในยามต้น และยามปลาย แล้วยังจะกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันประเสริฐยิ่งเองในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่? "ข้อนั้น ก็ยังไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า."
ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย. ข้อที่กล่าวถึงนี้ แม้เราเอง ก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน.
ภิกษุทั้งหลาย. เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า..
"เราทั้งหลาย จักคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย, เป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค, ตามประกอบธรรมเป็นเครื่องตื่น, เป็นผู้เห็นแจ่มแจ้งซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย, และจักตามประกอบอนุโยคภาวนาในโพธิปักขิยธรรม ทั้งในยามต้นและยามปลายอยู่เสมอ ๆ " ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย. พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจอย่างนี้แล.
พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า พระราชา ผู้เป็นกษัตริย์ได้รับมุรธาภิเษกแล้ว ทรงประกอบความสุขในการประทม หาความสุขในการเอนพระวรกาย หาความสุขในการประทมหลับ ตามแต่พระประสงค์อยู่เนืองนิจ ยังคงทรงปกครองราชสมบัติให้เป็นที่รักใคร่ ถูกใจพลเมือง จนตลอดพระชนม์ชีพได้อยู่หรือ? "อย่างนี้ ไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า. " ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนี้ แม้เราเองก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน. ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จะเข้าใจเรื่องนี้กันอย่างไร?
พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า ผู้ครองรัฐก็ดี ทายาทผู้สืบมรดกก็ดี เสนาบดีก็ดี นายบ้านก็ดี และหัวหน้าหมู่บ้านก็ดี ประกอบความสุขในการนอน หาความสุขในการเอนกาย หาความสุขในการหลับ ตามสบายใจอยู่เนืองนิจ ยังคงดำรงตำแหน่งนั้น ๆ ให้เป็นที่รักใคร่ ถูกใจของ (ประชาชนทุกเหล่า) กระทั่งลูกหมู่ จนตลอดชีวิตได้อยู่หรือ? "อย่างนี้ ไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า. "
ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย ข้อที่กล่าวนี้ แม้เราเองก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน
ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอทั้งหลาย จะเข้าใจเรื่องนี้กันอย่างไร? พวกเธอเคยได้เห็นได้ฟังมาบ้างหรือว่า สมณะหรือพราหมณ์ ที่เอาแต่ประกอบความสุขในการนอน หาความสุขในการเอนกาย หาความสุขในการหลับ ตามสบายใจอยู่เสมอ ๆ, ทั้งเป็นผู้ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย, ไม่รู้ประมาณในการบริโภค, ไม่ตามประกอบธรรมเป็นเครืองตื่น, ไม่เห็นแตจ่มแจ้งซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย, ไม่ตามประกอบการทำเนือง ๆ ในโพธิปักขิยธรรม ทั้งในยามต้น และยามปลาย แล้วยังจะกระทำให้แจ้งได้ซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันประเสริฐยิ่งเองในทิฏฐธรรมเทียว เข้าถึงแล้วแลอยู่? "ข้อนั้น ก็ยังไม่เคยได้เห็นได้ฟังเลย พระเจ้าข้า."
ดีแล้ว ภิกษุทั้งหลาย. ข้อที่กล่าวถึงนี้ แม้เราเอง ก็ไม่เคยได้เห็น ได้ฟังอย่างนั้นเหมือนกัน.
ภิกษุทั้งหลาย. เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้ว่า..
"เราทั้งหลาย จักคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย, เป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค, ตามประกอบธรรมเป็นเครื่องตื่น, เป็นผู้เห็นแจ่มแจ้งซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย, และจักตามประกอบอนุโยคภาวนาในโพธิปักขิยธรรม ทั้งในยามต้นและยามปลายอยู่เสมอ ๆ " ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย. พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจอย่างนี้แล.
ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๓๓/๒๘๘.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น