วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

เรื่องยมกปาฏิหารย์ ตอนที่ 1


ข้อความเบื้องต้น
         พระศาสดาทรงปรารภเทวดาและพวกมนุษย์เป็นอันมาก     ที่พระ-ทวารแห่งสังกัสสนคร    ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า   " เย  ฌานปฺปสุตาธีรา "   เป็นต้น.ก็เทศนาตั้งขึ้นแล้วในกรุงราชคฤห์.
เศรษฐีได้ไม้จันทน์ทำบาตร
         ความพิสดารว่า   สมัยหนึ่ง   เศรษฐีชาวกรุงราชคฤห์   ให้ขึงข่ายมีสัณฐานคล้ายขวด  เพื่อความปลอดภัย  และเพื่อรักษาอาภรณ์เป็นต้น    ที่หลุดไปด้วยความพลั้งเผลอแล้ว   เล่นกีฬาทางน้ำในแม่น้ำคงคา. ในกาลนั้น    ต้นจันทน์แดงต้นหนึ่ง  เกิดขึ้นที่ริมฝั่งตอนเหนือของแม่น้ำคงคา     มีรากถูกน้ำในแม่น้ำคงคาเซาะโค่นหักกระจัดกระจายอยู่บนหินเหล่านั้น  ๆ.  ครั้งนั้นปุ่ม ๆหนึ่งมีประมาณเท่าหม้อ ถูกหินครูดสี ถูกคลื่นน้ำซัด เป็นของเกลี้ยงเกลา ลอยไปโดยลำดับ อันสาหร่ายรวบรัดมาติดที่ข่ายของเศรษฐีนั้น.
        เศรษฐีกล่าวว่า   " นั่นอะไร ? "  ได้ยินว่า " ปุ่มไม้ " จึงให้นำ ปุ่มไม้นั้นมาให้ถากด้วยปลายมีด   เพื่อจะพิจารณาว่า  " นั่นชื่ออะไร ?
"         ในทันใดนั่นเอง    จันทน์แดงมีสีดังครั่งสดก็ปรากฏ.    ก็เศรษฐียังไม่เป็นสัมมาทิฏฐิ.    ไม่เป็นมิจฉาทิฏฐิ.     วางตนเป็นกลาง;     เขาคิดว่า" จันทน์แดงในเรือนของเรามีมาก.     เราจะเอาจันทน์แดงนี้ทำอะไรหนอแล ? "   ทีนั้นเขาได้มีความคิดอย่างนี้ว่า " ในโลกนี้   พวกที่กล่าวว่า  'เรา
๑.  เพื่อเปลื้องอันตราย.
เป็นพระอรหันต์ ' มีอยู่มาก.  เราไม่รู้จักพระอรหันต์แม้สักองค์หนึ่งเรา  จักให้ประกอบเครื่องกลึงไว้ในเรือน   ให้กลึงบาตรแล้ว   ใส่สาแหรกห้อยไว้ในอากาศประมาณ  ๖๐ ศอก  โดยเอาไม้ไผ่ต่อกันขึ้นไปแล้ว   จะบอกว่า' ถ้าว่า  พระอรหันต์มีอยู่,   จงมาทางอากาศแล้ว  ถือเอาบาตรนี้;   ผู้โคจักถือเอาบาตรนั้นได้   เราพร้อมด้วยบุตรภรรยา     จักถึงผู้นั้นเป็นสรณะ. "เขาให้กลึงบาตรโดยทำนองที่คิดไว้นั่นแหละ   ให้ยกขึ้นโดยเอาไม้ไผ่ต่อ ๆกันขึ้นไปแล้ว   กล่าวว่า  " ในโลกนี้   ผู้ใดเป็นพระอรหันต์.   ผู้นั้นจงมาทางอากาศ ถือเอาบาตรนี้. " ครูทั้ง ๖ อยากได้บาตรไม้จันทน์ ครูทั้งหกกล่าวว่า   " บาตรนั้น     สมควรแก่พวกข้าพเจ้า.   ท่านจงให้บาตรนั้นแก่พวกข้าพเจ้าเสียเถิด. "   เศรษฐีนั้นกล่าวว่า    " พวกท่านจลมาทางอากาศแล้วเอาไปเถิด. "ในวันที่ ๖  นิครนถ์นาฎบุตรส่งพวกอันเตวาสิกไปด้วยสั่งว่า  " พวกเจ้าจงไป.   จงพูดกะเศรษฐีอย่างนั้นว่า  " บาตรนั่น    สมควรแก่อาจารย์ของพวกข้าพเจ้า. ท่านอย่าทำการมาทางอากาศเพราะเหตุแห่งของเพียงเล็กน้อยเลย.  นัยว่า  ท่านจงให้บาตรนั่นเถิด. "    พวกอันเตวาสิกไปพูดกะเศรษฐีอย่างนั้นแล้ว.   เศรษฐีกล่าวว่า    " ผู้ที่สามารถมาทางอากาศแล้วถือเอาได้เท่านั้น     จงเอาไป. " นาฏบุตรออกอุบายเอาบาตรนาฏบุตรเป็นผู้ปรารถนาจะไปเอง    จึงได้ให้สัญญาแก่พวกอันเต-วาสิกว่า     " เราจักยกมือและเท้าข้างหนึ่ง      เป็นทีว่าปรารถนาจะเหาะ,พวกเจ้าจงร้องบอกเราว่า " ท่านอาจารย์ ท่านจะทำอะไร ท่านอย่าแสดงความเป็นพระอรหันต์ที่ปกปิดไว้
เพราะเหตุแห่งบาตรไม้ แก่มหาชนเลย 'ดังนี้แล้ว   จงพากันจับเราที่มือและเท้าดึงไว้ ให้ล้มลงที่พื้นดิน. "   เขาไปในที่นั้นแล้ว   กล่าวกะเศรษฐีว่า    " มหาเศรษฐี   บาตรนี้สมควรแก่เรา.ไม่สมควรแก่ชนพวกอื่น.  ท่านอย่าชอบใจการเหาะขึ้นไปในอากาศของเราเพราะเหตุแห่งของเพียงเล็กน้อย.   จงให้บาตรแก่เราเถิด. "เศรษฐี.   ผู้เจริญ     ท่านต้องเหาะขึ้นไปทางอากาศแล้ว    ถือเอาเถิด. 
ลำดับนั้น  นาฏบุตรกล่าวว่า    " ถ้าเช่นนั้น     พวกเจ้าจงหลีกไป ๆ "กันพวกอันเตวาสิกออกไปแล้ว   กล่าวว่า   " เราจักเหาะขึ้นไปในอากาศ  ดังนี้แล้ว ก็ยกมือและเท้าขึ้นข้างหนึ่ง.    ทีนั้น  พวกอันเตวาสิกกล่าวกับอาจารย์ว่า  " ท่านอาจารย์  ท่านจะทำชื่ออะไรกันนั่น ประโยชน์อะไรด้วยคุณที่ปกปิดไว้  อันท่านแสดงแก่มหาชน  เพราะเหตุแห่งบาตรไม้นี้ "แล้วช่วยกันจับนาฏบุตรนั้นที่มือและเท้า   ดึงมาให้ล้มลงแผ่นดิน.  เขาบอกกะเศรษฐีว่า   " มหาเศรษฐี  อันเตวาสิกเหล่านี้    ไม่ให้เหาะท่านจงให้บาตรแก่เรา.  เศรษฐี.   ผู้เจริญ     ท่านต้องเหาะขึ้นไปถือเอาเถิด. พวกเดียรถีย์    เเม้พยายามด้วยอาการอย่างนั้นสิ้น ๖ วันแล้ว    ยังไม่ได้บาตรนั้นเลย.

0 ความคิดเห็น:

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More